
วัดบ้านแพน
สมภารเจ้าวัด
ข้อมูลอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน
ข้อมูลอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแพนนั้น พระครูรัตนาภิรมย์ (อยู่ ติสฺส) อดีตเจ้าอาวาส ท่านได้เคยเล่าให้หลวงปู่พระครูปริยัติคุณูปการ (วาสน์ ธมฺมโชโต) ฟังว่า เท่าที่ท่านรู้ย้อนไปตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างวัดช่วงสมัยธนบุรี มีเจ้าอาวาสปกครองวัดจำนวน ๕ รูป คือ
หลวงพ่อแช่ม หลวงพ่อนิล พระอุปัชฌาย์ศรี และตัวท่าน และหลังจากนั้นก็มีเจ้าอาวาสปกครองวัดเรื่อยมา อีกจำนวน ๓ รูป คือ พระครูปริยัติคุณูปการ พระมงคลวุฒาจารย์ และพระครูเสนาคุณวัฒน์ ดังนี้

รูปที่ ๑ หลวงพ่อแช่ม
ท่านเป็นเจ้าอาวาสเมื่อราวปี พ.ศ. ๒๓๒๐ ในสมัยที่สร้างวัด ซึ่งตรงกับรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งกรุงธนบุรี ส่วนมรณภาพเมื่อใดนั้น ไม่ได้ระบุเอาไว้
รูปที่ ๒ หลวงพ่อนิล
เมื่อหลวงพ่อแช่มได้ถึงแก่มรณภาพลง หลวงพ่อนิลท่านจึงได้เป็นผู้รั้งตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านแพนสืบต่อมาแต่เป็นผู้รั้งตำแหน่งอยู่ได้ไม่นาน ทางวัดสามกอขาดเจ้าอาวาสลง ทายกทายิกาจึงได้มานิมนต์ท่านให้ข้ามไปเป็นเจ้าอ าวาสวัดสามกอต่อไป

รูปที่ ๓ พระอุปัชฌาย์ศรี
ชาติภูมิท่านเกิดที่ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๓๕๓ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ท่านเป็น เจ้าอาวาสเมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒ ๓๘๐ และมรณภาพเมื่อประมาณปี พ.ศ.๒๔๒๕ ท่านเป็น เจ้าอาวาสปกครองดูแลวัด รวม ๔๕ ปี

รูปที่ ๔ พระอุปัชฌาย์จ้อย จนฺทโชติ
ท่านได้เป็นเจ้าอาวาสเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๒๕ สืบต่อจากพระอุปัชฌาย์ศรี และได้เป็นเจ้าคณะหมวดบ้านแพน (เจ้าคณะตำบล) ชาติภูมิของท่านอยู่ที่ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเกิดปีฉลู พ.ศ. ๒๓๙๕ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔
ท่านเกิดปีเดียวกับ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โยมผู้ชายชื่ออ่อน โยมผู้หญิงชื่อกล่ำ พ.ศ. ๒๔๑๕ เมื่อท่านมีอายุครบ ๒๐ ปีบริบูรณ์ ท่านได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านแพน โดยมีพระอุปัชฌาย์ศรี วัดบ้านแพน เป็นพระอุปัชฌาย์ โดยท่านเป็น พระกรรมวาจาจารย์ของพระครูวิหารกิจจานุการ (ปาน โสนนฺโท)
วัดบางนมโค ท่านมีความรู้ในทางคาถาอาคมเวทมนต์ขลังนัก ทั้งเป็นพระหมอด้วย มีเรื่องเล่าว่า ในสมัยที่ท่านเป็นสมภารปกครองดูแลวัด มีคนป่วยบางคนที่มาหาท่าน แต่ไม่สามารถเดินขึ้นมาบนวัดได้ เมื่อมีคนขึ้นไปบอกท่าน ถ้าท่านเอ่ยปากบอกว่า “เดินได้ซิวะ! แกกลับไปบอกมันว่าข้าให้เดินขึ้นมา เอ็งก็พยุงกันขึ้นมาได้ตามปกติ” ท่านดูไข้เก่ง ท่านทายว่าหายก็หาย ท่านทายว่าตายก็มักไม่รอด ท่านเป็นหมอน้ำมันมนต์ ใครถูกยิง ถูกแทง ถูกฟัน หรือแขนหัก ขาหัก ในอำเภอเสนาต้องมาหาท่านแทบทุกราย เพราะสมัยนั้นหมอแผนปัจจุบันหายาก นอกจากนี้ท่านยังเป็นหมองู ถ้างูพิษกัด ใครพาคนเจ็บมาถึงท่าน ถ้ายังไม่ตายก็มักจะรอดแทบทุกราย และในเขตอำเภอเสนา ถ้าวัดใดจัดให้มีงานมหรสพใหญ่โตมักจะมานิมนต์ท่านไปเป็นประธาน ถ้าท่านไปเป็นประธานในงานใด งานนั้นต้องสงบเรียบร้อยทุกงาน โดยไม่มียิงรันฟันแทงกันเพราะเกรงอำนาจท่าน
พระอุปัชฌาย์จ้อย จนฺทโชติ มรณภาพเมื่อวันพฤหัสบดี แรม ๑๑ ค่ำ เดือน ๗ ปีขาล ตรงกับวันที่ ๑๔ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๕๗ เวลา ๑๓.๐๐ น. สิริรวมอายุได้ ๖๒ ปี พรรษา ๔๑ ท่านเป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดเป็นเวลา ๓๒ ปี
%20%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%20%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%20%E0%B9%95.jpg)
รูปที่ ๕ พระครูรัตนาภิรมย์ (อยู่ ติสฺส)
ชาติภูมิท่านอยู่ที่ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ท่านเกิด เมื่อ ปีจอ พ.ศ. ๒๔๐๔ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โยมผู้ชายชื่อจุ้ย โยมผู้หญิงชื่อหนู พ.ศ. ๒๔๒๔ เมื่อท่านมีอายุครบ ๒๐ ปี ได้อุปสมบท ณ พัทธสีมาวัดบ้านแพน โดยมีพระอุปัชฌาย์ศรี วัดบ้านแพน เป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาท่านได้ย้ายไปอยู่วัดไชโย จังหวัดอ่างทอง ไปอยู่กับพระมหาพุทธพิมพาภิบาล (เกตุ) ซึ่งเป็นลูกเรียงพี่เรียงน้องกัน และได้เป็นพระปลัดฐานานุกรมของพระมหาพุทธพิมพาภิบาล เมื่อพระมหาพุทธพิมพาภิบาลได้ลาสิกขาบทแล้ว
ท่านก็ได้ย้ายกลับมาอยู่ที่วัดบ้านแพนตามเดิม เมื่อพระอุปัชฌาย์จ้อย มรณภาพลง ใน พ.ศ. ๒๔๕๗ ท่านก็ได้เป็นเจ้าอาวาสสืบต่อมา และได้เป็น เจ้าคณะหมวดบ้านแพนด้วย (เจ้าคณะตำบล) พ.ศ. ๒๔๖๕ ได้รับตราตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์ ต่อมาถึงวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๓ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิม พระชนมพรรษาพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๗ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรในราชทินนามว่า “พระครูรัตนาภิรมย์” ในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน ท่านได้สร้างศาลาการเปรียญหลังใหญ่ สร้างหอสวดมนต์ใหม่โดยเทคอนกรีตทั้งหลัง สร้างหอไตร และได้บูรณกุฏิหมดทั้งวัด ซึ่งปรากฏอยู่ในปัจจุบัน ท่านเป็นผู้มีวิทยาคมและเป็นสหธรรมิกกับหลวงพ่อทา
วัดพะเนียงแตก จังหวัดนครปฐม
เมื่อ พ.ศ. ๒๔๕๗ เมื่อท่านได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านแพนแล้ว ท่านได้สร้างพระพิมพ์หล่อโบราณรูปพระพุทธและรูปเหมือนของท่าน ภายหลังเมื่อท่านอธิษฐานจิต ปลุกเสกดีแล้ว ท่านได้นำวัตถุมงคลของท่านไปให้หลวงพ่อทาเสกที่วัดพะเนียงแตกด้วย ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระราชพรหมยาน (หลวงพ่อวีระหรือหลวงพ่อฤษีลิงดำ ) วัดท่าซุง จังหวัดอุทัยธานี พระครูรัตนาภิรมย์มรณภาพเมื่อวันอาทิตย์ แรม ๙ ค่ำ เดือนอ้าย ปีระกา ตรงกับวันที่ ๗ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๘ เวลา ๑๒.๑๕ น. สิริรวมอายุได้ ๘๔ ปี พรรษา ๖๔ ท่านเป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดเป็นเวลา ๓๑ ปี พระอุปัชฌาย์ศรี พระอุปัชฌาย์จ้อย จนฺทโชติ และพระครูรัตนาภิรมย์ (อยู่ ติสฺส) ทั้ง ๓ องค์นี้ ท่านเป็นเครือญาติสืบเนื่องกันมา
%20%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%20%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%20%E0%B9%96.jpg)
รูปที่ ๖ พระครูปริยัติคุณูปการ (วาสน์ ธมฺมโชโต)
ท่านมีนามเดิมว่าวาสน์ นามสกุล เกตุบุตร เกิดวันพฤหัสบดี เดือนยี่ ปีกุน ตรงกับวันที่ ๑๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๔๒ ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โยมผู้ชายชื่อบุตร โยมผู้หญิงชื่อบัว เกิดที่บ้านสามกอ หมู่ที่ ๑ ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
อุปสมบทเมื่อวันที่ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๖๒ ตรงกับวันพฤหัสบดี แรม ๑ ค่ำ เดือน ๖ ปีมะแม สำเร็จญัตติ เวลา ๐๘.๑๐ น. ณ พัทธสีมาวัดบ้านแพน ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้รับฉายาว่า “ธมฺมโชโต” โดยมี พระครูอุดมสมาจารย์ (นัด เกสโร) วัดกระโดงทอง เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูรัตนาภิรมย์ (อยู่ ติสฺส) วัดบ้านแพน เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์โต วัดบ้านแพน เป็นพระอนุสาวนาจารย์
การศึกษา
สำเร็จการศึกษาชั้นประถมปีที่สี่ จากโรงเรียนวัดบ้านแพน
พ.ศ. ๒๔๖๘ สอบได้นักธรรมชั้นตรี สำนักเรียนวัดมหาธาตุ กรุงเทพมหานคร
พ.ศ. ๒๔๗๕ สอบได้นักธรรมชั้นโท สำนักเรียนคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
การปกครองและสมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๔๘๘ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน
พ.ศ. ๒๔๙๓ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน และเป็นเจ้าคณะตำบลบ้านแพน
พ.ศ. ๒๔๙๕ เป็นพระอุปัชฌาย์
วันที่ ๕ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๑ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นตรี ในราชทินนามที่ “ พระครูปริยัติคุณูปการ”
พ.ศ. ๒๕๐๘ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นโท ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๑๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๑๙ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตรเทียบผู้ช่วย เจ้าอาวาสพระอารามหลวงชั้นพิเศษ ในราชทินนามเดิม
พระครูปริยัติคุณูปการ ได้ปฏิบัติหน้าที่โดยเต็มกำลังความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี ทั้งหน้าที่เจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบล
เมื่ออายุกาลผ่านไปนานวัน นานเดือน นานปี จึงมีอายุเข้าปัจฉิมวัย จึงควรได้รับการพักผ่อนในการปฏิบัติหน้าที่ เจ้าคณะจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ในขณะนั้น คือ พระอดุลธรรมเวที (ไวทย์ อินฺทวํโส) จึงยกฐานะเป็นเจ้าอาวาสและเจ้าคณะตำบลกิตติมศักดิ์ ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นต้นมา
ในสมัยที่ท่านดำรงตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน ท่านได้ดำเนินการก่อสร้างเสนาสนะ และถาวรวัตถุต่างๆ เป็นจำนวนมาก อาทิ พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้ดำเนินการบูรณปฎิสังขรณ์อุโบสถ ซึ่งชำรุดทรุดโทรมมาก โดยขยายตัวโบสถ์และบริเวณให้กว้างขวาง สวยงาม มิดชิด และ แน่นหนา มีลูกกรงเหล็กทำเป็นรั้วล้อมรอบ ได้ถมดินขยายกำแพงแก้วออกให้กว้างขวาง ซึ่งงานก่อสร้างอุโบสถถือเป็นงานชิ้นเอกของท่าน เพราะต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก สร้างแล้วเสร็จ พ.ศ. ๒๕๑๓ ใช้เวลากว่า ๑๕ ปี สิ้นงบประมาณการก่อสร้าง ๑ ล้านบาทเศษ นอกจากนี้ท่านยังได้ดำเนินการก่อสร้างสะพานจากอุโบสถลงท่าน้ำ สร้างส้วมเทคอนกรีต สร้างกุฎิเทคอนกรีตทั้งหลัง (กุฎิสามัคคีวัฒนา) สร้างถังเก็บน้ำเทคอนกรีต สร้างโรงไฟฟ้าประจำวัด สร้างหอปริยัติธรรม สร้างที่เก็บศพ สร้างพระพุทธสิหิงส์จำลองและรูปจำลองอดีตเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน สร้างฌาปนสถานปนสถาน ศาลาธรรมสังเวช และสร้างมณฑปประดิษฐานรูปจำลองอดีตเจ้าอาวาส
พระครูปริยัติคุณูปการ ถึงแก่มรณภาพด้วยโรคชรา เมื่อวันอาทิตย์ เดือนเก้า ปีมะเส็ง แรม ๑๑ ค่ำ ตรงกับวันที่ ๒๗ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๓๒ สิริรวมอายุได้ ๙๐ ปี พรรษา ๗๐ เป็นเจ้าอาวาสปกครองดูแลวัดเป็นเวลา ๓๘ ปี