
วัดบ้านแพน
%20%E0%B8%AD%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B8%95%E0%B9%80%E0%B8%88%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%AA%20%E0%B8%A3%E0%B8%B9%E0%B8%9B%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%207.jpg)
ประวัติพระมงคลวุฒาจารย์ (ทองพูน ฐิตสีโล)
เจ้าอาวาสวัดบ้านแพน รูปที่ ๗
ชาติภูมิ
นามเดิม ทองพูน นามสกุล สัญญโสภี โยมบิดาชื่อแบน โยมมารดาชื่อสมบุญ นามสกุล สัญญโสภี เกิดเมื่อวันพุธ แรม ๔ ค่ำ เดือน ๑๒ ปีวอก ตรงกับวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๗๕ ณ บ้านสามกอ หมู่ที่ ๑ ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พ.ศ. ๒๔๘๘ จบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ ๔ จากโรงเรียนประชาบาลตำบลสามกอ ๑ (ศรีรัตนานุกูลวัดบ้านแพน) ปัจจุบันคือโรงเรียนวัดบ้านแพน “ศรีรัตนานุกูล”

บรรพชา
เมื่อวันเสาร์ขึ้น ๔ ค่ำ เดือน ๖ ปีฉลู ตรงกับวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๒ ณ วัดบ้านแพน ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมี พระปลัดแจ่ม ฐิตวโร วัดโพธิ์ ตำบลบ้านแพน อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เป็นพระอุปัชฌาย์
อุปสมบท
เมื่ออายุย่างเข้า ๒๐ ปี ได้อุปสมบทเมื่อวันเสาร์ขึ้น ๘ ค่ำ เดือน ๗ ปีมะโรง ตรงกับวันที่ ๓๑ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๕ ณ พัทธสีมาวัดบ้านแพน ตำบลสามกอ อำเภอเสนา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยมีพระครูปริยัติคุณูปการ (วาสน์ ธมฺมโชโต) เจ้าอาวาสวัดบ้านแพน เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูเกษมคณาภิบาล (บุญมี เขมธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดมารวิชัย เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูวิบูลธรรมศาสน์ (สังวาลย์ คุตฺตธมฺโม) เจ้าอาวาสวัดกระโดงทองเป็นพระอนุสาวนาจารย์สำเร็จญัตติจตุตถกรรมเป็นพระภิกษุ เวลา ๐๘.๐๐ น. หลังจากอุปสมบทแล้ว ได้ศึกษาพระปริยัติธรรม จนสามารถสอบได้นักธรรมชั้นเอก ในปี พ.ศ. ๒๔๙๙
ด้านการปกครอง
พ.ศ. ๒๔๙๙ เป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน
พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นพระกรรมวาจาจารย์
(วันที่ ๑๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๐๐)
พ.ศ. ๒๕๑๓ เป็นรองเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน
(วันที่ ๒๙ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๑๓)
พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นเจ้าอาวาสวัดบ้านแพน
(วันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๒๗)
พ.ศ. ๒๕๓๕ เป็นพระอุปัชฌาย์
(วันที่ ๑๕ กุมภาพันธ์ พ.ศ. ๒๕๓๕)
พ.ศ. ๒๕๓๙ เป็นรองเจ้าคณะอำเภอเสนา
(วันที่ ๑๑ มกราคม พ.ศ. ๒๕๓๕)
พ.ศ. ๒๕๔๓ เป็นผู้รักษาการแทนเจ้าคณะอำเภอเสนา
พ.ศ. ๒๕๔๕ เป็นเจ้าคณะอำเภอเสนา
(วันที่ ๓ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๔๕)
พ.ศ. ๒๕๕๒ เป็นหัวหน้าพระธรรมทูตอำเภอเสนา
(วันที่ ๒๖ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๕๒)
พ.ศ. ๒๕๕๕ เป็นที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอเสนา
วันที่ ๖ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๕)
ด้านการศึกษา
พ.ศ. ๒๕๐๓ เป็นครูสอนพระปริยัติธรรม แผนกธรรม สำนักเรียนวัดบ้านแพน
พ.ศ. ๒๕๒๗ เป็นเจ้าสำนักเรียนวัดบ้านแพน เป็น กรรมการสนามหลวง แผนกธรรม
พ.ศ. ๒๕๕๑ เป็นผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาพระพุทธศาสนาวันอาทิตย์ วัดบ้านแพน
พ.ศ. ๒๕๕๒ ในขณะที่ดำรงตำแหน่งเจ้าคณะอำเภอเสนา ได้ดำเนินการจัดตั้งศูนย์การศึกษาพระปริยัติธรรม ประจำอำเภอเสนาขึ้น โดยรวมการศึกษาพระปริยัติธรรม แผนกธรรม ทั้งนักธรรมชั้นตรี ชั้นโท และชั้นเอก ของทุกสำนักเรียนในเขตปกครอง รวมจัดการสอนในรูปแบบศูนย์การเรียนเพียงแห่งเดียว โดยให้ใช้สถานที่ของโรงเรียน พระปริยัติธรรมวัดบ้านแพนเป็นสถานที่จัดการเรียนการสอน และภายหลังจากได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะอำเภอแล้ว ก็ยังให้ความอุปถัมภ์การดำเนินงานของศูนย์มาโดยตลอดจนถึงปัจจุบัน

เกียรติคุณ
พ.ศ. ๒๕๕๒ ได้รับพระราชทานรางวัลผู้ทำคุณประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนา
(รางวัลเสาเสมาธรรมจักร) ประเภท ส่งเสริมกิจการคณะสงฆ์
จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา วันสำคัญสากลของโลก
พ.ศ. ๒๕๕๒ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
ทรงพระกรุณาโปรดพระราชทานผ้าไตร ๑ ไตร น้ำสรง พุ่มดอกบัว ๑ พาน ในโอกาสเจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๗๗ ปี
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๒
พ.ศ. ๒๕๕๕ ได้รับปริญญาพุทธศาสตร์มหาบัณฑิตกิตติมศักดิ์
สาขาวิชาจริยศึกษา จาก มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย
พ.ศ. ๒๕๕๕ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้า ฯ พระราชทานผ้าไตร ๑ ไตร น้ำสรง พุ่มดอกบัว ๑ พาน
เนื่องในพิธีทำบุญฉลองอายุวัฒนมงคลครบ ๘๐ ปี
เมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
พ.ศ. ๒๕๕๕ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปรินายก
ประทานผ้าไตรและน้ำสรง ในโอกาสเจริญอายุวัฒนมงคลครบ ๘๐ ปี
เมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๕
สมณศักดิ์
พ.ศ. ๒๕๑๔ เป็น “พระปลัด” ฐานานุกรมของ พระเขมเทพาจารย์
เจ้าคณะอำเภอเสนา วัดหัวเวียง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พ.ศ. ๒๕๒๐ เป็น “พระครูปลัด” ฐานานุกรมของ พระเทพรัตนโมลี
เจ้าคณะจังหวัดนครพนม วัดพระธาตุพนม จังหวัดนครพนม
พ.ศ. ๒๕๓๓ ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร
เจ้าอาวาสวัดราษฎร์ ชั้นโท (จร.ชท.)
ในราชทินนามที่ " พระครูสุวรรณศีลาธิคุณ "
พ.ศ. ๒๕๔๘ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร
เจ้าคณะอำเภอชั้นเอก (จอ.ชอ.) ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๕๔ ได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ เป็นพระครูสัญญาบัตร
เจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ (จอ.ชพ.) ในราชทินนามเดิม
พ.ศ. ๒๕๕๙ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา
๗ รอบ สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินีนาถ
ได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ (เป็นกรณีพิเศษ)
เป็นพระราชาคณะ ชั้นสามัญ ในราชทินนามที่
“พระมงคลวุฒาจารย์”
อวสานกาล
โดยปกติหลวงพ่อพูน ท่านมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ถึงจะมีโรคประจำตัวอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรมาก จวบจนเมื่อเข้าสู่ช่วงปัจฉิมวัย ช่วงปี พ.ศ. ๒๕๕๕ หลวงพ่อเริ่มมีอาการอาพาธ ครั้งแรก ขณะเดินทางไปนั่งปรกพุทธาภิเษกวัตถุมงคลที่จังหวัดพิจิตร คณะศิษย์จึงได้นำตัวหลวงพ่อส่งเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลกรุงเทพ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร แพทย์ได้ทำการรักษาและตรวจพบว่าหลวงพ่ออาพาธด้วยโรคลิ้นหัวใจรั่ว หลังจากหลวงพ่อเข้ารับการรักษาจนอาการเป็นปกติแล้ว ก็ยังคงประกอบศาสนกิจได้ตามปกติ แต่ก็ยังคงมีอาการของโรคหัวใจ และยังต้องเข้ารับการรักษาพยาบาลอยู่บ่อยครั้ง คณะศิษย์จึงมีความเห็นควรย้ายหลวงพ่อไปทำการรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลมิชชั่น เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร เนื่องจากขณะนั้นลูกศิษย์ของท่าน คือ นพ.ดร.วีรชัย ชีวาดิสัยกุล เป็นแพทย์ประจำอยู่ หลวงพ่อเข้ารับการรักษาอาการโรคหัวใจและเข้าออกโรงพยาบาลอย่างต่อเนื่องนับจากนั้นเป็นต้นมา จวบจนช่วงเดือนกันยายน พ.ศ. ๒๕๖๑ หลวงพ่อเข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลมิชชั่น กรุงเทพมหานคร ด้วยอาการโรคหัวใจรั่วอีกครั้ง โดยครั้งนี้แพทย์ต้องนำหลวงพ่อเข้ารับการรักษาในห้องดูแลผู้ป่วยหนัก (I C U) เนื่องจากหลวงพ่อ มีภาวะน้ำท่วมปอด ปอดติดเชื้อ และมีภาวะหมดสติ ซึ่งอาการอาพาธของหลวงพ่อครั้งนี้หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา เมื่อคณะแพทย์ได้ทำการรักษาจนอาการหลวงพ่อดีขึ้นตาม ลำดับแล้ว จึงอนุญาตให้กลับมาพักฟื้นที่วัดได้
หลังจากงานบำเพ็ญกุศลอายุวัฒนมงคลครบ ๘๖ ปี (วันที่ ๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๒) หลวงพ่อเริ่มมีอาการอาพาธอีกครั้ง คณะศิษย์จึงนำหลวงพ่อเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมิชชั่น กรุงเทพมหานคร ซึ่งการอาพาธของหลวงพ่อครั้งนี้ ก็ยังคงเป็นเหมือนทุกครั้ง ที่ผ่านมา คือ มีภาวะน้ำท่วมปอด และปอดติดเชื้อ คณะแพทย์ได้ทำการรักษาจนอาการอาพาธของหลวงพ่อดีขึ้นตามลำดับ หลวงพ่อสามารถพูดคุยได้ตามปกติ สามารถฉันภัตตาหารได้ตามปกติ จวบจนช่วงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ หลังจากหลวงพ่อฉันภัตตาหารเช้าเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว แพทย์เวรจึงได้เข้าทำการตรวจร่างกายตามปกติ ซึ่งอาการของหลวงพ่อก็ยังคงเป็นปกติ ไม่มีภาวะใดบ่งบอกว่าจะถึงแก่มรณภาพ จวบจนช่วงเวลา ๐๘.๒๐ น.หลวงพ่อได้หมดสติลงโดยไม่ทราบสาเหตุภายในห้องพัก คณะแพทย์และพยาบาลจึงได้ช่วยกันทำการกู้สัญญาณชีพของหลวงพ่อ แต่ก็ไม่เป็นผลสำเร็จ หลวงพ่อได้ถึงแก่มรณภาพลงด้วยอาการอันสงบ เมื่อเวลา ๑๐.๐๖ น. ของวันพฤหัสบดีที่ ๑๗ มกราคม ๒๕๖๒ ด้วยภาวะปอดติดเชื้อ ที่โรงพยาบาลมิชชั่น เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร สิริอายุได้ ๘๖ ปี ๒ เดือน ๑ วัน